วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559

WELCOME

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ welcome


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ perfect in english



เรามาเก่งภาษาอังกฤษไปด้วยกันนะ !  
         
          มาเริ่มกันเลย ⇩
           
                                                                      ทคนิคเรียนภาษาอังกฤษ จากไม่เป็น...ให้เก่งขึ้น
                                                                      6 เทคนิคพูดภาษาอังกฤษให้เก่งด้วยตัวเอง
                                                                      หลักการใช้ Capital Letter
                                                                      อาการนาม คืออะไร
                                                                      คำนามที่ไม่ต้องมี article นำหน้า
                                                                      12 TENSE ฉบับเข้าใจง่าย
                                                                      การเติม -s หรือ -es
                                                                      การใช้ Do Does Did Done
                                                                      การใช้ be going to และ will
                                                                      การใช้ some และ any
                                                                      การออกเสียงคำกริยาเติม ed
                                                                      30 สำนวนภาษาอังกฤษ
                                                                      74 สำนวนภาษาอังกฤษ

วัตถุประสงค์

จัดทำเพื่อใคร ?

จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อให้ผู้คนที่สนใจจะฝึกภาษาอังกฤษสามารถเข้าใจและใช้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นผู้เริ่มต้นฝึกภาษาอังกฤษ และยังนำบางเรื่องที่คนไทยส่วนมากยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษมาให้ความรู้อีกด้วย บางคนอาจจะคิดว่า การเติม sและ es ง่ายจะตายจะเอามาสอนทำไม แต่รู้หรือไม่ว่าบางครั้งเราก็ใช้ผิดและใช้ผิดบ่อยด้วย ดังนั้นจึงจัดทำบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อผู้คนที่สนใจในภาษาอังกฤษ

ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษต้องทำยังไง......

“74 สำนวนภาษาอังกฤษ”

  รู้ไว้จะได้คุยกับเจ้าของภาษาได้ง่ายขึ้น!!  

  


ดังนั้น idioms จึงเป็นสิ่งที่เพื่อนๆควรเรียนรู้ไว้ เพื่อที่จะได้เข้าใจเวลาคนต่างชาติพูด หรือเพื่อที่ว่าเราจะสามารถพูดได้เหมือนเจ้าของภาษามากที่สุดนั่นเองครับ



A great deal – จำนวนมาก มากมาย
We’ve heard a great deal about you.
A piece of cake – ง่ายมาก เรื่องหมูๆ ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
It’s easier than I thought. It’s a piece of cake.
After all – อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
But after all, they are our children.
All over the place – ทั่วทุกที่ ทุกหนทุกแห่ง กระจัดกระจาย เกลื่อน
Your books are all over the place.
Around the corner – อยู่ใกล้ๆ อยู่ไม่ไกล ใกล้เข้ามาแล้ว
The examination is right around the corner.
As a matter of fact – อันที่จริง ตามที่จริง จริงๆ แล้ว
As a matter of fact, l don´t like them either.
As far as I am concerned – ตามความเห็นของฉัน ตามความคิดฉัน เท่าที่ทราบ
As far as I am concerned, he should get fired.
Ask for trouble – หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว แส่หาเรื่อง
We are asking for trouble if we miss another class.
Be fond of – ชอบ ชื่นชอบ โปรดปราน
She seems to be fond of talking about herself.
Be in the same boat – ลงเรือลำเดียวกัน ประสบปัญหาหรือความยุ่งยากเหมือนกัน
We suddenly found ourselves in the same boat.
Be my guest – ตามสบายเลย เชิญตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ
If you wanna just me, be my guest.
Be out of order – เสีย ใช้การไม่ได้ ไม่เข้าท่า ไม่เป็นระเบียบ
Your idea is out of order.
Better than nothing – ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
Maybe it’s not as good as the first, but it’s better than nothing.
Break a promise – ผิดสัญญา ไม่รักษาคำพูด ไม่ทำตามสัญญา
I told you, I never break a promise.
Calm down – สงบสติอารมณ์ สงบใจ ทำใจให้สงบ ทำให้สงบ
Why don’t you just calm down?
Catch up with – ตามทัน ไล่ทัน พบ
I’ll catch up with you later.
Cheer up – ให้กำลังใจ ปลอบใจ ทำให้รู้สึกดีขึ้น ทำให้ร่าเริงขึ้น
Hey, maybe we can cheer him up a bit.
Cope with – จัดการกับ รับมือกับ
How do you cope with loneliness?
Cross the line – ล้ำเส้น ข้ามเส้น ข้ามแดน
You’re starting to cross the line.
Day in and day out – ตลอดเวลา อย่างต่อเนื่อง ไม่มีหยุด
I have to answer the phone day in and day out.
Deal with – ติดต่อกับ จัดการกับ เกี่ยวข้องกับ รับมือกับ
I will deal with these later.
Every now and again – เป็นครั้งคราว
It’s good to be lonely every now and again.
Every now and then – เป็นครั้งคราว
Every now and then I go to town and spend lots of money.
Face to face – ซึ่งๆ หน้า จะๆ ต่อหน้า ประจันหน้า
He wants to meet you face to face.
Figure out – คิดออก คิดให้ออก คิดได้
I’m going to figure it out sooner or later.
Finish up – ทำให้เสร็จสิ้น จบลง ยุติ
Let’s finish this up this afternoon.
From now on – จากนี้ไป จากนี้เป็นต้นไป ต่อแต่นี้ไป นับจากนี้ไป
From now on I’m not gonna do anything I don’t like.
From time to time – บางครั้ง
You’ll hear that from time to time.
Get lost – หลงทาง แต่ถ้าเป็นคำสั่งจะเป็นในเชิงการไล่ แปลว่า ไปให้พ้น ไปให้ห่างๆ ไสหัวไป
Take a map with you in case you get lost.
Get together – พบปะ รวมตัวกัน รวมกลุ่มกัน พบปะสังสรรค์กัน
I thought we should get together and talk.
Go for a walk – เดินเล่น ไปเดินเล่น ไปกินลมชมวิว
Let’s go for a walk in the wood.
Hang out – ออกไปข้างนอก ออกไปสังสรรค์
She does not want me to hang out with her.
Have a good time – สนุกสนาน เพลิดเพลิน ขอให้สนุกนะ
I hope you have a good time at the beach.
Hold one’s ground – ยึดมั่นอยู่ที่เดิม ไม่ถอย ตั้งรับ ตั้งมั่น รักษาสถานะไว้
If you hold your ground, then you might have a chance.
In advance – ล่วงหน้า ก่อนหน้า ก่อนเวลา
Could you pay me in advance?
Keep a promise – รักษาสัญญา ทำตามสัญญา
I must keep a promise I made.
Keep an eye on – เฝ้าดู เฝ้ามอง จับตาดู
Keep an eye on the baby, please.
Keep away from – อยู่ห่างจาก หลีกหนีจาก หลีกเลี่ยงจาก
Keep away from the doors and windows.
Keep in touch – ติดต่อกันไปเรื่อยๆ ติดต่อกันไม่ได้ขาด
Remember to keep in touch when you are aways.
Keep one’s eye on – เฝ้าดู เฝ้ามอง จัดตาดู
I’m keeping my eye on you.
Keep one’s word – รักษาคำพูด รักษาสัจจะ ทำตามที่พูดไว้
I always keep my word.
Let someone down – ทำให้ผิดหวัง
Don’t let me down this time.
Lose one’s temper – อารมณ์เสีย เสียอารมณ์ โกรธ ขุ่นเคือง
I promise! I’ll never lose my temper again!
Lose one’s way – หลงทาง จำทางไม่ได้
I’ve lost my way somewhere
Lose sight of – ลืม ลืม(วัตถุประสงค์) ไม่เห็น มองไม่เห็น
I must not lose sight of my mission.
Make a deal with – ทำข้อตกลงกับ
If you want a job, you’ll have to make a deal with him.
Make a promise – ให้สัญญา ทำสัญญา
I want you to make me a promise.
Move away from – ผละจากไป ออกจาก ถอยออกจาก
Everyone, move away from the windows!
On behalf of – ในนามของ (ทำบางสิ่ง)ในนามของ
I’m happy to deliver a statement on behalf of the company.
Once in a while – นานๆ ครั้ง เป็นครั้งคราว ชั่วครั้งชั่วคราว
l still think about her once in a while.
Out of date – ล้าสมัย เชย โบราณ ไม่ทันยุค
He said I was out of date.
Pave the way – ปูทาง กรุยทาง แผ้วทาง
This will pave the way for future success.
Piss off – ไปให้พ้น ไปให้ไกลๆ เลยไป (พูดเนื่องจากมีน้ำโห) (เป็นคำไม่สุภาพ)
Piss off! Don’t come near me again.
Put off – เลื่อนออกไป ยืดเวลาออกไป แก้ตัว ถอด(เสื้อผ้า)ออก
I’ll call him to put off my appointments till noon.
Put pressure on – กดดัน บีบบังคับ
You put too much pressure on yourself.
Put up with – อดทน ทน ทำใจ
Why do you put up with it? You could do better.
Run out of – หมด ขาด ร่อยหรอ
We’re going to run out of fuel in 90 minutes.
Shed (some) light on – เปิดเผย ให้ความกระจ่าง ทำให้เข้าใจง่าย
Can anyone help me shed some light on this question?
So far – นอกจากความหมายทีแปลว่าไกลมากแล้ว ยังหมายถึง จนถึงทุกวันนี้ จนเดี๋ยวนี้ จนถึงบัดนี้
So far as we know, there were no survivors.
Sooner or later – ไม่ช้าก็เร็ว
Sooner or later you’re gonna have to face the fact.
Stay in touch – ติดต่อกันไปเรื่อยๆ ติดต่อกันเสมอ ส่งข่าวถึงกัน ยังติดต่อกันอยู่
Please don’t stay in touch.
Step outside – ก้าวออกไปข้างนอก ออกมาข้างนอก
Could you step outside for a minute, please?
Take into account – คิดคำนึง ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง พิจารณา
There’s one thing you haven’t taken into account.
Take it easy – ใจเย็นๆ ทำตัวสบายๆ ช่างเถอะ
Take it easy. Don’t be so upset.
Take part – มีส่วนร่วม
I won’t take any part in this.
Talk behind one’s back – พูดลับหลัง พูดนินทา
People are gonna talk behind your back.
Talk (something) over – ปรึกษาหารือ ขอคำแนะนำ ขอความเห็น พิจารณากัน
Why don’t we have a seat and talk it over.
Tie the knot – แต่งงาน
You’re sure you want to tie the knot?
Throw (some) light on – เปิดเผย ให้ความกระจ่าง ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น
He tried to throw some light on the situation.
To some extent – มีอยู่บ้าง พอประมาณ ในระดับหนึ่ง ค่อนข้างจะ
I agree with your opinion to some extent.
Turn one’s back on – ไม่สนใจ เพิกเฉย ละทิ้ง
You have to turn your back on that nonsense.
Up to date – ทันสมัย ตามสมัย ทันสถานการณ์
Are you up to date with the ongoing dancing competition?
Wash one’s hands of – ล้างมือจากวงการ ไม่เกี่ยวข้องอีกต่อไป ถอนตัวออก
I wash my hands of this whole situation!
Watch your mouth – ระวังปาก ระวังคำพูด มีความหมายเดียวกับ Watch your tongue
Hey, watch you mouth! Don’t talk that way.

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

6 เทคนิคพูดภาษาอังกฤษให้เก่งด้วยตัวเอง

6 เทคนิคพูดภาษาอังกฤษให้เก่งด้วยตัวเอง | ประสบการณ์ไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การใช้ some และ any





ทั้ง some และ any มีความหมายว่า "บ้าง" แต่ใช้แตกต่างกันดังนี้ 

1. some 

ใช้กับประโยคบอกเล่า ใช้ได้ทั้งกับนามนับได้และนามนับไม่ได้ 
เช่น

I have some pens. (ฉันพอจะมีปากกาบ้าง)
John wants some water. (John ต้องการน้ำบ้าง)

There are some books on the table. (มีปากกาอยู่บนโต๊ะบ้าง)

There is some sugar in the bowl. (มีน้ำตาลทรายอยู่ในชามบ้าง)

2. any 

2.1 ประโยคปฏิเสธ ใช้ได้ทั้งกับนามนับได้และนามนับไม่ได้ แต่ความหมายจะเปลี่ยนเป็น
"ไม่ ______ เลย" เช่น

I don't have any pens. (ฉันไม่มีปากกาเลยสักด้าม)
John doesn't want any water. (John ไม่ต้องการน้ำเลย)

There aren't any pencils under the table. (ไม่มีดินสออยู่ใต้โต๊ะเลยสักแท่ง)

There isn't any tea in the cup. (ไม่มีน้ำชาอยู่ในถ้วยเลย)



2.2 ประโยคคำถาม ใช้ได้ทั้งกับนามนับได้และนามนับไม่ได้ แต่ความหมายจะเปลี่ยนเป็น

"_______ บ้างไหม" เช่น

Do you have any pens? (คุณมีปากกาบ้างไหม)
Does John want any water? (John ต้องการน้ำบ้างไหม)

Are there any books in the schoolbag? (มีหนังสืออยู่ในกระเป๋าเรียนบ้างไหม) 

Is there any coffee in the cup? (มีกาแฟอยู่ในถ้วยบ้างไหม)



30 สำนวนภาษาอังกฤษ คำสแลงที่มักเจอในชีวิตประจำวัน









1. “Twenty-four Seven”  สำนวนนี้หมายความว่าอะไร เนื่องจากหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง และหนึ่งอาทิตย์ก็มี 7 วัน สำนวนนี้จึงมีความหมายว่า “ตลอดเวลา ทุกๆนาทีของทุกๆวัน” ค่ะ
2.  “Get the ball rolling” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ “เริ่มทำอะไรสักอย่าง” แค่จำไว้ว่า “Let’s get the ball rolling” ความหมายเท่ากับ “Let’s start now-เราเริ่มกันเถอะ”
3. “Take it easy”  ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “I don’t have any plans this weekend.  I think I’ll take it easy.” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ “ผ่อนคลาย” หรือ “พักผ่อน” ค่ะ สำนวนนี้ก็เข้าใจง่ายเหมือนกันค่ะ “I’m going to take it easy.” ความหมายก็คือ “I’m going to relax.-ฉันจะพักผ่อนสักหน่อย”
4. “Sleep on it” ถ้ามีคนๆหนึ่งพูดว่า “I’ll sleep on it.” ความหมายของเขาก็คือ “ฉันขอใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย” เพราะฉะนั้น ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “I’ll get back to you tomorrow.  I have to sleep on it.” ความหมายของเขาก็คือ “ฉันขอเวลาตัดสินใจสักหน่อย แล้วจะบอกคำตอบพรุ่งนี้” เพราะฉะนั้น “Sleep on it คือ ขอเวลาตัดสินใจ แล้วจะบอกคำตอบทีหลัง” ค่ะ
5. “I’m broke.” อันนี้ได้ยินบ่อยมากๆเลยค่ะ สำนวนนี้ไม่ได้หมายความว่ามีร่างกายส่วนหนึ่งส่วนใดเสียหรือใช้การไม่ได้แต่ความหมายจริงๆของสำนวนนี้ก็คือ “ฉันไม่มีเงินเลย” หรือ “ถังแตก” นั่นเองค่ะ “I’m broke.” เท่ากับ “I have no money – ฉันไม่มีเงินเลย” สำนวนนี้ใช้กันมาก และได้ยินกันบ่อยๆค่ะ
6. “Sharp” เมื่อใช้กับเวลา ยกตัวอย่างเช่น “The meeting is at 7 o’clock sharp!” คุณว่าหมายความว่าอะไรคะ ความหมายก็คือ “การประชุมจะเริ่มตอนเจ็ดโมงเป๊ะ” เวลามีคนใช้คำว่า “Sharp” ตามหลังเวลาพูดกับคุณ ความหมายก็คือเขาต้องการย้ำเวลานั้นๆ และบอกคุณว่า “อย่ามาสายนะ”
7. “Like the back of my hand”  ความหมายของสำนวนนี้คืออะไร “the back of my hand หรือ หลังมือของตัวเอง” เป็นสิ่งที่ตัวเองต้องคุ้นเคยเป็นอย่างดี คุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหลังมือคุณ คุณเห็นอยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้นถ้าฉันพูดว่า “I know this city like the back of my hand.” ความหมายของฉันก็คือ “ฉันรู้จักเมืองนี้ดีมากๆ ฉันคุ้นเคยกับเมืองนี้” สำนวนนี้ก็ใช้กันบ่อยมากค่ะ เราอาจปรับเปลี่ยนใช้สำนวนนี้ได้ว่า “He knows this city like the back of ‘his’ hand” ก็ได้นะคะ ความหมายก็จะยังเหมือนกัน ก็คือ “รู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งดี หรือ คุ้นเคยเป็นอย่างดี” ค่ะ
8. “Give me a hand.” ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “Do you want to give me a hand?” เขาหมายความว่า “Do you want to help me?” สมมุติว่ามีคนๆหนึ่งถือของมา แล้วเขาพูดว่า “Would you give me a hand?” เขาไม่ได้ขอมือคุณเฉยๆนะคะ เขากำลังขอให้คุณช่วยเขาหน่อยค่ะ “Would you give me a hand?” คือ “Would you help me?-คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม”
9. “In ages” ยกตัวอย่างเช่นใช้ในประโยคว่า “I haven’t seen him in ages” ความหมายของ “in ages” ก็คือ “for a long time-เป็นเวลานานมาก” นั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้น “I haven’t seen him in ages” ก็เท่ากับ “I haven’t seen him for a long time-ฉันไม่ได้เจอเขามานานมากแล้ว” จำไว้นะคะ “in ages” แปลว่า “เป็นเวลานานมาก”
 10. “Sick and tired” สำนวนนี้แปลได้ว่า “ไม่ชอบ หรือ เกลียด” ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณพูดว่า “I’m sick and tired of doing homework.” ความหมายก็คือ “ฉันไม่อยากทำการบ้านแล้ว ฉันไม่ชอบทำการบ้านเลย”
11. “behind one’s back”  แปลว่า พูดหรือกระทำโดยอีกคนหนึ่งไม่รู้ตัว หรือ พูดลับหลัง ตัวอย่างเช่น Pete loves to gossip Jay behind his back. (พีทชอบที่จะนินทาเจลับหลัง โดยเขาไม่รู้ตัว)
12. “turn one’s back on”  แปลว่า ไม่สนใจ ไม่ช่วยเหลือ ทอดทิ้ง  ตัวอย่างเช่น John never turn his back on his girlfriend when she needs help. (จอห์นไม่เคยไม่เคยทอดทิ้งเฉยเมยต่อแฟนสาวของเขา เมื่อเธอต้องการความช่วยเหลือ)
13. “get back at”  แปลว่า แก้แค้น แก้เผ็ด เอาคืน ตัวอย่างเช่น If it takes me 10 years I will get back at him. (ถึงแม้จะต้องเสียเวลาสัก 10 ปี ผมก็จะต้องแก้แค้นมัน)
14. “hold something back”  แปลว่า ซ่อน ไม่เปิดเผย ไม่เต็มใจเปิดเผย ตัวอย่างเช่น I could tell from his nervousness that he was holding back something. (ฉันสามารถจะบอกจากอาการตื่นเต้นของเขาได้ว่า เขากำลังปิดบังอะไรบางอย่าง)
15. “be my guest” แปลว่า พูดหรือทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจกัน
16. “be oneself” แปลว่า เป็นปกติธรรมดา “You haven’t been yourself lately. Is anything wrong?” (เธอดูเหมือนมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจ มีอะไรรึเปล่า)
17. “be tired of” แปลว่า รำคาญ เบื่อ เช่น I was tired of working for other people, so now I’m self-employed. (ผมเบื่อที่เป็นลูกจ้าง ขณะนี้ได้ออกมาทำกิจการของตนเองแล้ว)
18. “beyond hope” แปลว่า ไม่มีโอกาสที่จะดีขึ้น ตัวอย่างเช่น Everyone has tired to help him with his drink problem, but I think he is beyond hope. (ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเขาได้พยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยให้เขาพ้นจากปัญหาดื่มเหล้า แต่ฉันว่าไร้ประโยชน์)
19. “big-headed” แปลว่า หยิ่งยะโส ตัวอย่างเช่น  “Here she comes! she always boasts about her success. I don’t know why she’s so big-headed.” (นี่ไงล่ะ คนที่ชอบคุยโวว่าตัวเองเก่ง ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงชอบอวดตัวเองนัก)
20. “A great deal” แปลว่า จำนวนมาก มากมาย ตัวอย่างเช่น We’ve heard a great deal about you. (พวกเราได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณมากมาย)
21. “After all”  แปลว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตัวอย่างเช่น But after all, they are our children. (แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นลูกๆ ของเรานะ)
22. “After one’s own heart” แปลว่า ได้ดังใจ สมใจคิด ถูกใจจริงๆ ตัวอย่างเช่น I love you, boy. You are always a child after my own heart. (พ่อรักลูกนะ ลูกเป็นลูกที่สมใจพ่อเสมอ)
23. “All over the place ” แปลว่า ทั่วทุกที่ ทุกหนทุกแห่ง กระจัดกระจาย เกลื่อน ตัวอย่างเช่น Your books are all over the place. (หนังสือของคุณวางอยู่ทั่วไปหมด)
24. “Around the corner” แปลว่า  อยู่ใกล้ๆ อยู่ไม่ไกล ใกล้เข้ามาแล้ว ตัวอย่างเช่น The examination is right around the corner. (การสอบใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว)
25. “As a matter of fact” แปลว่า อันที่จริง ตามที่จริง จริงๆ แล้วตัวอย่างเช่น As a matter of fact, l don’t like them either. (อันที่จริงแล้วฉันก็ไม่ชอบพวกเขาเหมือนกัน)
26. “As far as I am concerned” แปลว่า ตามความเห็นของฉัน ตามความคิดฉัน เท่าที่ทราบ ตัวอย่างเช่น As far as I am concerned, he should get fired. (ตามความเห็นฉันนะ เขาควรจะถูกไล่ออก)
27. “Watch your mouth” แปลว่า ระวังปาก ระวังคำพูด มีความหมายเดียวกับ Watch your tongue
28. “Let the cat out of the bag” แปลว่า หมายถึง หลุดปากเผยความลับออกมา ตัวอย่างเช่น  “I let the cat out of the bag about their wedding plans.”
29. “To feel under the weather”  หมายถึง ไม่สบาย ป่วย ตัวอย่างประโยค “I’m really feeling under the weather today; I have a terrible cold.”
30. “Jack of all trades” หมายถึง คนที่รู้ทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง แต่ไม่เก่งจริงสักอย่าง ตัวอย่างประโยค “A jack of all trades,master of none.” แปลว่า รู้ไปหมด แต่ไม่เก่งสักอย่าง


การใช้ be going to และ will


Big_08.10.15-engoo

เวลาเราจะบอกอะไรเกี่ยวกับอนาคต ในภาษาอังกฤษนั้นพูดได้หลายแบบ แต่วันนี้เราจะมาเรียนรู้การใช้ be going to และ will กัน

be going to และ will มีความหมายเดียวกันเมื่อใช้คาดการณ์เกี่ยวกับอนาคต เช่น

John is going to leave at 6 tomorrow morning. = จอห์นจะออกเดินทางตอน 6 โมงเช้า
(be เป็นความรู้พื้นฐาน ซึ่งก็คือ is, am, are, was, were นั่นเอง อันนี้ไม่รู้ไม่ได้นะจ๊ะ)

John will leave at 6 tomorrow morning. = จอห์นจะออกเดินทางตอน 6 โมงเช้า

ในบางกรณี be going to และ will ก็ใช้ต่างกันโดย be going to จะ ช่วยสื่อให้เห็นว่าผู้พูดกำลังบอกแผนการที่วางไว้ล่วงหน้า

​I bought some wood because I am going to build a bookcase. = ฉันซื้อไม้เพราะฉันวางแผนว่าจะสร้างชั้นวางหนังสือ

I’m going to Egypt next year. = ฉันวางแผนไว้ว่าจะไปอียิปต์ในปีหน้า

will จะใช้กับการอาสาหรือการพูดถึงด้วยความสมัครใจ ยินดีช่วยเหลือ (รวมถึงการตัดสินใจทันที การทำนาย คำมั่นสัญญา อย่างที่เราเคยเรียนกันไปแล้วก่อนหน้า) เช่น

This bookcase is heavy. I will help you. = ชั้นหนังสือนี่หนักมาก ฉันจะช่วยคุณ(ยก)
This homework is difficult. I will teach you. = การบ้านนี่ยากนะ เดี๋ยวฉันจะช่วยสอนให้

ปกติประโยคที่ใช้พูดถึงอนาคตเรามักจะใช้ will กันจนชินแต่ถ้าอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาอังกฤษขึ้นมาอีกนิดก็ลองใช้ be going to กันดูนะ


เครดิต: เรียนภาษาอังกฤษออนไลนกับ Engoo