นำเสนอการใช้ภาษาอังกฤษที่เบสิคมากๆ แต่ก็ยังสับสนกันอยู่ นั่นคือการออกเสียงคำกริยาที่เติม ed ท้ายคำ หรือคำกริยาในรูป past (กริยาช่อง 2) และคำกริยาในรูป past participle (กริยาช่อง 3) เช่น stopped talked และ learned เป็นต้น
ทุกคนอาจเคยสังเกตว่าคำกริยาเติม ed บางทีก็ออกเสียง t (ท) บางทีก็ออกเสียง d (ด) หรือไม่ก็ออกเสียง id (อิด) เหมือนเป็นอีกหนึ่งพยางค์ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคำไหนออกเสียงอะไรถึงจะถูกกันล่ะ?
ก่อนอื่นเราต้องดูว่าคำกริยานั้นลงท้ายด้วยเสียงก้อง (voiced) เช่น b m w v d n l z r j g หรือ เสียงไม่ก้อง (voiceless) เช่น p f t s sh ch k
ทีนี้เรามาดูหลักการออกเสียงคำกริยาเติม ed กัน มีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อ คือ:
1. ออกเสียง t
(ออกเสียงคล้ายๆ ถึ แต่ไม่ถึงกับออกเสียงสระอึ) ก็ต่อเมื่อคำกริยานั้นลงท้ายด้วยเสียงไม่ก้อง เช่น p f s sh ch k แต่ยกเว้น t ตัวอย่างเช่น
- Talked (ทอคท) ลงท้ายด้วยเสียง k ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น t
- Kissed (มิสท) ลงท้ายด้วยเสียง s ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น t
- Stopped (สต็อพท) แม้จะลงท้ายด้วย p สองตัวแต่ออกเสียง p แค่ตัวเดียว และออกเสียง ed เป็น t สต็อพผิด สต็อพเผ็ด ไม่มีนะ! สต็อปเป็ด ก็ไม่มี!!
2. ออกเสียง d
(ออกเสียงคล้ายๆ ดึ แต่ไม่ถึงกับออกเสียงสระอึ) ก็ต่อเมื่อคำกริยานั้นลงท้ายด้วยเสียงก้อง เช่น b m w v n l z r j g แต่ยกเว้น d ตัวอย่างเช่นLearned (เลิร์นด) ลงท้ายด้วยเสียง n ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น d
- Loved (เลิฟด) ลงท้ายด้วยเสียง v ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น d
- Occurred (เอิกเคอร์ด) แม้จะมี r สองตัว ed ก็ยังออกเสียงเป็น d ไม่มีเอิกเคอร์ริด
3. ออกเสียง id (อิด)
ก็ต่อเมื่อคำกริยานั้นลงท้ายด้วยเสียง t หรือ d ตัวอย่างเช่น
- Tested (เทสทิด) ลงท้ายด้วยเสียง t ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น id
- Needed (นีดิด) ลงท้ายด้วยเสียง d ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น id
- Submitted (เสิบมิทิด) ลงท้ายด้วยเสียง t ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น id
หลักการออกเสียงคำกริยาเติม ed ก็มีแค่นี้แหละ แต่เดี๋ยวก่อน! มีข้อ
ยกเว้นด้วย มีบางคำที่ลงท้ายด้วย ed แต่เป็นคำคุณศัพท์ (adjective) และออกเสียง ed เป็น id ตัวอย่างคำประเภทนี้เช่น
- Dogged (ดอกิ่ด) หมายถึง ดื้อรั้น เช่น a dogged student (นักเรียนหัวรั้น)
- Learned (เลอร์นิ่ด) หมายถึง มีความรู้ เช่น a learned man (ชายที่มีความรู้)
- Naked (เนคิ่ด) หมายถึง เปลือย เช่น naked eye (ตาเปล่า)
- Ragged (แรกิ่ด) หมายถึง เก่าและขาด ขรุขระ เช่น ragged cloth (ผ้าที่เก่าและขาด)
- Wicked (วิคิ่ด) หมายถึง ชั่วร้าย เช่น a wicked politician (นักการเมืองชั่วร้าย)
- Wretched (เรทชิ่ด) หมายถึง เคราะห์ร้าย เช่น a wretched boy (เด็กผู้เคราะห์ร้าย)
สังเกตว่าคำว่า learned เมื่อทำหน้าที่เป็นคำกริยาออกเสียง เลิร์นด แต่เมื่อทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ออกเสียง เลอร์นิด
เป็นอย่างไรกันบ้าง หลักการออกเสียงคำกริยาที่ลงท้ายด้วย ed ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ พอรู้หลักแล้วอย่าลืมเอาไปฝึกใช้กันด้วยนะ
เครดิต : dailyenglish
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น