วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

มาออกเสียงคำกริยาเติม ed ให้ถูกต้องกันเถอะ


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การออกเสียง ed
นำเสนอการใช้ภาษาอังกฤษที่เบสิคมากๆ แต่ก็ยังสับสนกันอยู่ นั่นคือการออกเสียงคำกริยาที่เติม ed ท้ายคำ หรือคำกริยาในรูป past (กริยาช่อง 2) และคำกริยาในรูป past participle (กริยาช่อง 3) เช่น stopped talked และ learned เป็นต้น
ทุกคนอาจเคยสังเกตว่าคำกริยาเติม ed บางทีก็ออกเสียง t (ท) บางทีก็ออกเสียง d (ด) หรือไม่ก็ออกเสียง id (อิด) เหมือนเป็นอีกหนึ่งพยางค์  แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคำไหนออกเสียงอะไรถึงจะถูกกันล่ะ?
ก่อนอื่นเราต้องดูว่าคำกริยานั้นลงท้ายด้วยเสียงก้อง (voiced) เช่น b  m  w  v  d  n  l  z  r  j  g หรือ สียงไม่ก้อง (voiceless) เช่น p  f  t  s  sh  ch  k
ทีนี้เรามาดูหลักการออกเสียงคำกริยาเติม ed กัน มีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อ คือ:

1. ออกเสียง t

(ออกเสียงคล้ายๆ ถึ แต่ไม่ถึงกับออกเสียงสระอึ) ก็ต่อเมื่อคำกริยานั้นลงท้ายด้วยเสียงไม่ก้อง เช่น p  f  s  sh  ch  k แต่ยกเว้น t  ตัวอย่างเช่น
  • Talked (ทอคท) ลงท้ายด้วยเสียง k  ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น t
  • Kissed (มิสท) ลงท้ายด้วยเสียง s  ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น t
  • Stopped (สต็อพท) แม้จะลงท้ายด้วย p สองตัวแต่ออกเสียง p แค่ตัวเดียว  และออกเสียง ed เป็น t  สต็อพผิด สต็อพเผ็ด ไม่มีนะ! สต็อปเป็ด ก็ไม่มี!!

2. ออกเสียง d

(ออกเสียงคล้ายๆ ดึ แต่ไม่ถึงกับออกเสียงสระอึ) ก็ต่อเมื่อคำกริยานั้นลงท้ายด้วยเสียงก้อง เช่น  b  m  w  v  n  l  z  r  j  g แต่ยกเว้น d  ตัวอย่างเช่นLearned (เลิร์นด) ลงท้ายด้วยเสียง n  ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น d
  • Loved (เลิฟด) ลงท้ายด้วยเสียง v  ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น d
  • Occurred (เอิกเคอร์ด) แม้จะมี r สองตัว  ed ก็ยังออกเสียงเป็น d  ไม่มีเอิกเคอร์ริด

3. ออกเสียง id (อิด)

ก็ต่อเมื่อคำกริยานั้นลงท้ายด้วยเสียง t หรือ d ตัวอย่างเช่น
  • Tested (เทสทิด) ลงท้ายด้วยเสียง t  ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น id
  • Needed (นีดิด) ลงท้ายด้วยเสียง d  ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น id
  • Submitted (เสิบมิทิด) ลงท้ายด้วยเสียง t  ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น id
หลักการออกเสียงคำกริยาเติม ed ก็มีแค่นี้แหละ  แต่เดี๋ยวก่อน! มีข้อ
ยกเว้นด้วย  มีบางคำที่ลงท้ายด้วย ed แต่เป็นคำคุณศัพท์ (adjective) และออกเสียง ed เป็น id ตัวอย่างคำประเภทนี้เช่น
  • Dogged (ดอกิ่ด) หมายถึง ดื้อรั้น  เช่น  a dogged student (นักเรียนหัวรั้น)
  • Learned (เลอร์นิ่ด) หมายถึง มีความรู้  เช่น  a learned man (ชายที่มีความรู้)
  • Naked (เนคิ่ด) หมายถึง เปลือย เช่น  naked eye (ตาเปล่า)
  • Ragged (แรกิ่ด) หมายถึง เก่าและขาด  ขรุขระ  เช่น  ragged cloth (ผ้าที่เก่าและขาด)
  • Wicked (วิคิ่ด) หมายถึง ชั่วร้าย  เช่น  a wicked politician (นักการเมืองชั่วร้าย)
  • Wretched (เรทชิ่ด) หมายถึง เคราะห์ร้าย  เช่น  a wretched boy (เด็กผู้เคราะห์ร้าย)
สังเกตว่าคำว่า learned เมื่อทำหน้าที่เป็นคำกริยาออกเสียง เลิร์นด  แต่เมื่อทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ออกเสียง เลอร์นิด
เป็นอย่างไรกันบ้าง หลักการออกเสียงคำกริยาที่ลงท้ายด้วย ed ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ  พอรู้หลักแล้วอย่าลืมเอาไปฝึกใช้กันด้วยนะ
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การออกเสียง ed


เครดิต : dailyenglish

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น